เดลินิตี้

สนาม: ข่าวการค้าของจีน

บทนำ:เช่น ขุนพันธรักษ์ราชเดชใช้ภูมิปัญญาการผูกมิตรที่มีความผูกพันอย่างใกล้ชิดกับผู้ที่มั่นใจว่าวางใจได้ในแต่ละชุมชนในระดับ อ้ายเพื่อน หรือ อ้ายคอ (ใกล้ชิดเป็นพิเศษไปมาหาสู่กันเสมอ พักพิงอาศัยทุกครั้งที่อยู่ในชุมชนนั้นๆ และช่วยดูแลอำนวยความสะดวกให้ตามความต้องการ) และระดับ อ้ายเกลอ (สามารถตายแทนกันได้ เสมือนเป็นคนคนเดียวกัน)...

เผาร่าง

สนาม: ต้ากง

บทนำ: ถ้ายึดเอาตาม เสียงโวยวายของ วัชระ เพชรทอง ก็เพิ่งจะรู้ว่า พรรคประชาธิปัตย์ตกต่ำ อ่อนแออย่างหนัก ถึงขนาด คสชสามารถเข้าไปเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคได้ และแฟนๆ ประชาธิปัตย์คงจะตกใจ ที่ คสชจะขจัด อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกจากพรรค เพราะเป็นอุปสรรคในการสืบทอดอำนาจของนายกฯ ลุงตู่ สงสัยจะกินยาผิด หรือไม่ก็ลืมเขย่าขวด จากที่ วัชระ เพชรทอง คิดว่าจะปกป้องพรรค กลายเป็นเผาพรรคตัวเองไปเสียอย่างนั้น กลายเป็นแจ็คผู้ฆ่าพรรค! ครับประชาธิปัตย์ ไม่ได้ตกต่ำขนาดนั้น คสชไม่คิดจะไปแทรกแซงกิจกรรมภายในของประชาธิปัตย์ เพราะมันไม่มีช่องให้เข้าไป ขณะนี้มีความพยายามจะเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์จริง แต่ก็เป็นเรื่องภายในของประชาธิปัตย์ ใครๆ ก็รู้ว่าระบบพรรคของประชาธิปัตย์นั้นเข้มแข็งกว่าพรรคการเมืองอื่นทั้งหมด ได้รับการยกย่องว่าเป็นพรรคการเมืองเดียวที่เรียกได้เต็มปากว่าเป็นสถาบันการเมืองด้วยซ้ำ ทำไม วัชระ เพชรทอง ตีราคาพรรคตัวเองต่ำขนาดนั้น เมื่อต้นปีผมมีโอกาสพูดคุยกับ ผู้ใหญ่ ในพรรคประชาธิปัตย์ท่านหนึ่ง ถึงเรื่องการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค เพราะสมาชิกพรรคบางส่วนเริ่มมองว่า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ช้ำเกินไปจากเหตุการณ์ทางการเมืองเมื่อปี ๒๕๕๓ มีการพูดถึงบุคคลที่สามนั่นคือ ศุภชัย พานิชภักดิ์ สิ่งที่ผู้ใหญ่ท่านดังกล่าวสรุปคือ ศุภชัย พานิชภักดิ์ มีความเหมาะสมทุกด้าน ยกเว้นเรื่องเดียว ไม่มีพวก! จากประเด็นนี้คงอธิบายได้ว่า ทำไม วัชระ เพชรทอง ถึงออกมาตีกัน อลงกรณ์ พลบุตร ที่ออกมาแบ่งรับแบ่งสู้จะกลับประชาธิปัตย์ เป็นธรรมดา ไม่ว่าพรรคการเมืองไหน ล้วนมีมุ้ง มีก๊ก ด้วยกันทั้งสิ้น ประชาธิปัตย์เองก็เคยผ่านอดีตอันเจ็บปวดมาแล้วจากกรณี กลุ่ม ๑๐ มกรา การเลือกหัวหน้าพรรคปี ๒๕๓๐ วีระ มุสิกพงศ์ ถือหาง เฉลิมพันธ์ ศรีวิกรม์ กลุ่ม นายหัวชวน หลีกภัย เสนอชื่อ พิชัย รัตตกุล พิชัย รัตตกุล ได้เป็นหัวหน้าพรรค กลุ่ม ๑๐ มกรา พกความไม่พอใจขยายวงกลายเป็นหนึ่งในสาเหตุให้ ป๋าเปรม ยุบสภาฯ ในปี ๒๕๓๑ กลุ่ม ๑๐ มกรา ก็เดินออกจากพรรคประชาธิปัตย์ คราวนี้จะซ้ำรอยหรือไม่? คงยาก เพราะบทเรียนในประวัติศาสตร์สอนให้รู้ว่าไปแล้วดับ แต่กรณีที่เกิดขึ้นในวันนี้สะท้อนให้เห็นว่า การเมืองในประชาธิปัตย์ยังต้องปรับอีกมาก อย่าใช้คำว่า พวก มาบดบัง ความสามารถ ของหัวหน้าพรรคคนใหม่